ใช้เวลาในการเดินทางประมาณสี่ ชม. ครึ่งมาถึงที่จังหวัดนากาโน่แล้วคะ เวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ ก็ขอรับประทานอาหารเพื่อเติมพลังกันก่อนนะคะ ที่ร้าน OKINOYA
ไปยังสถานที่แรกสำหรับทริปนี้กันเลยคะ ศาลเจ้า SUWA AKIMIYA เป็นศาลเจ้าย่อยๆของ NAGANO คะ มีอายุราวๆประมาณ 220 ปีเชียวนะ เก่าแก่มากจริงๆคะ และยังมีต้นไม้ประจำศาลเจ้าที่มีมาก่อนศาลเจ้าจะก่อตั้งเสียอีก อายุตั้ง 700 ปี คนญี่ปุ่นเค้าเรียกต้นไม้นี้ว่า SLEEPING TREE พอถามๆคนประจำศาลเจ้าดูก็มีตำนานเล่ากันว่า เจ้าต้นไม้นี้จะคอยให้เด็กๆตัวน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้งอแงในยามค่ำคืน พ่อแม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยพามาที่นี่ พอเด็กๆมาอยู่ใกล้ๆกับต้นไม้ก็พลอยทำให้หลับปุ๋ยไปเลยล่ะคะ
ศาลเจ้า SUWA |
นี้ก็คือบรรดาถังเหล้าสาเก ที่คนญี่ปุ่นนำมาถวายพระ ที่อยู่ประจำศาลเจ้าแห่งนี้คะ คงจะเป็นการนำมาถวายในวันงานเทศกาลไรงี้ หรือเป็นเพราะอากาศหนาว ทำให้ต้องเพิ่มความอบอุ่นด้วยการดื่มเหล้าด้วย แต่ถ้าเป็นของไทยเองล่ะก็ผิดศีลข้อห้าเต็มๆเลยล่ะคะ อิอิ
ไม่ไกลจากศาลเจ้า เบลก็ได้เดินมาที่พิพิธภัณฑ์ GISHODO ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์นาฬิกาของประเทศจีนคะ มีการอธิบายกลไกการทำงานต่างๆ รวมถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยุคเก่าๆ กันเลยล่ะคะ
พิพิธภัณฑ์นาฬิกา GISHODO |
เดินมาอีกนิดนึง (หลายที่ในย่านเดียว) ที่พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี SUWAKO ORGEL ซึ่งได้รวบรวมกล่องดนตรีไว้มากมาย ตั้งแต่ยุคเก่าๆ ซึ่งมีความไพเราะ ความน่ารัก และบางชิ้นก็อลังการมากๆเลยด้วย สำหรับใครที่ชอบความคลาสสิคของกล่องดนตรี ห้ามพลาดสถานที่นี้เป็นอันขาดคะ
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี SUWAKO ORGEL |
จะหมดไปอีกวันแล้ว เบลมาชมบรรยากาศยามเย็นกันที่ทะเลสาบ SUWA คะ ซึ่งจากภาพก็จะเห็นใช่มั้ยล่ะคะ ว่ามันโรแมนติคขนาดไหน จนได้สมญานามว่า "สวิตเซอร์แลนด์แห่งญี่ปุ่น"
ทะเลสาบ SUWA |
ใกล้ๆกัน ก็มีบ่อไว้บริการให้แช่ออนเซนแบบฟรีๆซะด้วย แต่ไม่ต้องคิดไกลคะ เค้ามีไว้ให้แช่เท้าแค่นั้น ห้ามลงไปแช่ทั้งตัวนะคะ ระวังจะเน่าเพราะเท้าใครต่ิอใครที่มาใช้บริการ555
ถึงเวลาพักผ่อนกันแล้วคะ คืนแรกที่ญี่ปุ่น วันนี้เบลมานอนที่โรงแรม RAKO HANANOI กันคะ มื้อค่ำวันนี้สำหรับคืนนี้เป็นแบบ Welcome Party ต้อนรับพวกเราผู้มาเยือน(ดูเท่ดีมั้ยล่ะคะ) ด้วยเมนูขึ้นชื่อของ SUWA เค้าล่ะ อร่อยแบบญี่ปุ่นอีกล่ะ
เช้าวันที่สอง เบลเดินทางมาที่เมือง MATSUMOTO ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. มาที่ปราสาท MATSUMOTO หรือที่เรียกกันว่าปราสาทอีกา เพราะตัวปราสาทมีสีดำ และสองข้างของปราสาทก็กางออกเหมือนปีกนกนั้นเองคะ มีอายุราวๆ 420 ปี ซึ่งมีทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน และยังคงสภาพเดิมจนถึงปัจจุบัน เก่าแล้วยังดูขลังดีจัง:)
ภายในตัวปราสาทก็มีช่องลับมากมาย ในสมัยก่อนหากมีศัตรูหรือข้าศึกบุกเข้ามา คนในปราสาทก็จะยิงธนูหรทอปืนออกไปจากช่องนี้ โดยที่ศัตรูด้านนนอกไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ภายในแปราสาทได้ กลไกเค้าเยอะจริงๆ ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติแล้วด้วย
ชุดซามูไรในสมัยก่อน ที่จัดแสดงอยู่ในปราสาท แต่ในตอนนี้หลงเหลืออยู่ไม่กี่ชุดแล้วคะ เป็นเกาะป้องกันมีดดาบ แต่ไม่กันกระสุนปืนนะค่ะ
มาต่อกันที่โรงงานผลิตนาฬิกาชื่อดังอย่าง SEIKO ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทย และทั่วโลก เบลคิดว่าคงแบ่งโรงงานการผลิตเป็นแบบแต่ละเกรด แต่ละเนื้องาน เพราะโรงงานที่เบลมาดูนี้ เค้าผลิตนาฬิกาขั้นต่ำก็อยู่ที่เรือนละ 100,000 เยนขึ้นไปคะ
ตัวอย่างนาฬิกาที่ประดับไปด้วยเพชรทำด้วยมือ กว่าจะได้แต่ละเรือนต้องปราณีตสุดๆคะ เห็นแล้วก็อยากได้กับเค้าสักเรือน แต่งบน้อยคงต้องรอไปอีกนานแสนนาน><
และที่โรงงานแห่งนี้ผลิตอีกยี่ห้อหนึ่งก็คือ GRAND SEIKO ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมในหมู่คนมีตังค์คะ ที่บ้านเีราก็วางจำหน่ายอยู่ในห้างดังๆ อย่างพารากอนด้วยนะคะ
เดินทางกันอีกแล้วคะ มาที่เมือง AZUMINO ที่ฟาร์มวาซาบิ DIAOH แต่ตอนนี้ขอเติมพลังด้วยเมนูที่มีส่วนประกอบเป็นวาซาบิก่อนนะคะ
อิ่มกันแล้ว ก็ขอทำหน้าที่ต่อคะ ไร่วาซาบิแห่งนี้ จะใช้น้ำจากธรรมชาติที่ไหลผ่านลงมาที่ฟาร์ม และกว่าจะโตจนเก็บเกี่ยวได้ก็ใช้เวลาประมาณ 2 ปีเชียวนะ กว่าจะได้ออกมาที่เราชอบทานกันไงล่ะคะ
ใครที่ยังไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าวาซาบิ ส่วนที่เราชอบทานกัน ก็ดูจากรูปเลยละกันคะ เป็นส่วนหัวที่อยู่ในดิน ก้อนำมาสไลด์เป็นฝอยๆผงๆ เพิ่มความเผ็ดร้อนให้จี๊ดขึ้นสมองกันไปเรยยย
เหล่าบรรดาของฝากมากมายให้ได้เลือกซื้อฝากกันคะ ของทุกอย่างก็มาจากเจ้าต้นวาซาบิทั้งนั้น เพราะทุกส่วนสามารถนำมารับประทานได้หมด
ยังเอามาทำเป็นไอศกรีมวาซาบิได้ด้วย รสชาติก็แสนหวาน โดยมีกลิ่นความหอมของวาซาบินิดหน่อยคะ
เข้าเมืองกันแล้วววว มาที่เมือง NAGANO แวะที่ร้าน YAHATAYA ISOGOROU จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากพริกทั้งนั้นเลย
เดินข้ามถนนไม่ไกลจากร้านมากนัก มาที่วัดเซนโคจิ ZENKO-JI ซึ่งเป็นวัดพุทธแห่งแรกของญี่ปุ่น อายุก็เก๋าเก่า 1,400 ปี และเป็นเพียงวัดเดียวที่ยอมให้ผู้หญิงเข้าร่วมพิธีกรรมของวัดอีกด้วย วัดนี้ยังมีความพิเศษที่ว่าจะมีช่องทางสู่วรรค์ เบลก็ลงไปเดินทางด้วยนะจ๊ะ ในนั้นจะมืดมากกกกก มองไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ ก็จะคอยเดินจับราวไปเรื่อย ในนั้นจะมีกุญแจแห่งสวรรค์ หากใครจับได้ก็จะได้ไปสวรรค์ ตอนแรกเบลก็ไม่รู้หรอกคะว่าจับอะไร คิดว่าที่คล้องเหล็กด้วยซ้ำไป ก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลนะคะ
หิวๆๆๆๆ มื้อค่ำวันนี้ ขอวัดหนักกับเมนูซาชิมิกันสักหน่อย
คืนนี้เบลมาพักกันที่ YUDANAKA ONSEN นอนแบบญี่ปุ่นอีกแล้วคะ แสนจะสบายได้อรรถรสจริงๆ
มอนิ่งยามเช้าอีกแล้วคะ วันนี้เบลจะไปกันที่ JIGOKUDANI YAEN-KOEN SNOW MONKEY PARK ซึ่งเป็นแหล่งรวมลิงจากภูเขา ที่เดียวในโลกจริงๆคะ ที่จะได้เจอเจ้าลิงมากมายลงมาแช่ออนเซน รักษาผิวพรรณกันน่าดู
เดินทางมาต่อกันที่ไร่สตอเบอรี่ที่เบลรอคอยกันแล้วคะ อยากมานานล่ะ555 ที่นี่เค้าก็ให้เข้าไปเก็บจากต้นกันสดๆ ที่ SHIGA AGULI PARK เกินคำบรรยายว่ามันเด็ดแค่ไหน จิ้มนมข้นหวานสักหน่อย OISHI!!
ไปต่อกันอีกที่ KARUIZAWA PRINCE ซึ่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นสกีรีสอร์ทของโรงแรม PRINCE SNOW RESORTS ซึ่งเป็นแหล่งรวมเด็กๆ ที่เพิ่งหัดเล่นมาฝึกเล่นกันที่นี่
นั่งรถต่อไปกันที่น้ำตก SHIRAITO NO TAKI ชมธรรมชาติแบบโรแมนติก เป็นน้ำตกขนาดเล็ก กว้างแค่ 70 ม. สูง 3 ม. วัยรุ่นญี่ปุ่นมักจะมาแฟนมาสวีทกันคะ
คืนนี้ขอพักร่างอันโรยรากันที่ KARUIZAWA PRINCE ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เสียดายที่ต้นซากุระยังไม่ผลิดอกออกผล ไม่งั้นคงได้บรรยากาศกว่านี้เยอะเลย ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ก็ใกล้ๆกับ OUTLET อีกด้วย เดินไปชอปปิ้งกันสบายๆเลยล่ะคะ
เช้าวันใหม่สดใสแข็งแรง นั่งรถยาวๆกันยาวๆอีกแล้วคะ สามชั่วโมงมายังจังหวัด NIIGATA ก็เที่ยงพอดิบพอดี แวะทานอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดกันก่อน อย่างโซบะ และเทมปุระกันที่ร้าน OSHIBORI
หลังมื้อเที่ยง เบลก็เข้ามายังพิพิธภัณฑ์ปลาคาบ NISHIKIKOI ที่นี่เปิดเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และที่รับฝากเลี้ยงปลาคาบอีกด้วย โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจได้เข้าไปชม มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละชนิด แต่ละตัวจะมีลวดลายไม่ซ้ำกันเลย ราคาที่แพงที่สุดจะอยู่ที่สิบล้านเยน วู้วววว!!!!!
ต่อไปมากันที่ THE NORTHTHERN CULTURE MUSEUM มาดูบ้านชาวนากันคะ ซึ่งก็ไม่ใช่ชาวนาธรรมดานะคะ จะเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยในสมัยก่อนคะ เจ้าของคือ BUNKICHI ITO ลักษณะบ้านจะเป็นแบบดั้งเดิมมากๆ มีห้องอยู่ในบ้านถึง 65 ห้องด้วยกัน จัดเป็นสัดสวนมากๆ และสวนในบ้านนี้ก็ได้รับการตกแต่งตามวัดคิงคาขุจิ ที่เกียวโตอีกด้วยคะ (แต่เสียดายในวันที่ไป อากาศไม่เป็นใจเท่าไหร่ ภาพที่ได้เลยไม่งามพอคะ)
สถานที่ต่อไปคือ บ้าน ENKIKAN ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชม และมีการสอนวิธีการชงชาแบบเบื้องต้นด้วยนะคะ
มื้อเย็นกันอีกแล้วสำหรับวันนี้ ที่ร้าน TOMIZUSHI ของเมือง NIIGATA ขออวดด้วยรูปล่ะกันเนอะ^^
คืนนี้มาพักโรงแรมแบบ BUSINESS ที่ NIKKKO NIIGATA ห้องกว้าง วิวสวย บรรยากาศไม่แออัดดีจัง
เช้าอีกหนึ่งวันล่ะคะ เก็บบรรยากาศจากจุดชมวิวของโรงแรมคะ ซึ่งติดกับแม่น้ำ SHINANO จะเป็นปากอ่าวที่ออกสู่ทะเลญี่ปุ่น
ช่วงเช้าวันนี้เบลมายังอำเภอ TSUBAME ที่โรงงาน GYUKUSENDO มาดูผลิตภัณฑ์ของใช้ต่างๆ ที่ทำจากทองแดง เป็นงานหัตถกรรมที่ต้องใช้ทักษะและความชำนาญมากๆ กว่าจะได้แต่ละชิ้น ก็ต้องอาศัยความชำนาญจากช่างนี่ละคะ ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นกันเลยทีเดียว
เย้ๆ เดินทางมาถึงที่ศาลเจ้า YUHIKO กันแล้ว เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด NIIGATA คนส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องความรัก และเรื่องสุขภาพกันคะ การขอพรที่นี่ก็จะต่างจากที่อื่น คือ คำนับ 2 ครั้ง ตบมือ 4 ครั้ง และคำนับ 1 ครั้ง เบลก็ตั้งจิตอธิษฐานเลยคะ เผื่อจะมีความรักกับเค้าบ้าง555
ถึงเวลากินกันอีกแล้วกับมื้อเที่ยงที่ร้าน YOSHIDAYA ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับศาลเจ้าเลย
ชีวิตคือการเดินทางคะ เดินทางกันต่อมายังเมือง YUZAWA ที่ GALA YUZAWA SNOW RESORT ซึ่งมีความสูงถึง 800 ม. จากระดับน้ำทะเล สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปที่อยากลองสัมผัสการเล่นสกี หรือสโนบอร์ดคะ นอกจากจะมีสกีให้เล่นแล้ว ที่นี่ก็ยังมีบริการอื่นๆ สำหรับใครที่เบื่อการเล่นสกี หรืออยากผ่อนคลายจากการเล่นสกีเสร็จคะ เช่น แช่ออนเซน สระว่ายน้ำ จากโตเกียวจะมีรถไฟชิงกันเซนมายังสถานี YUZAWA ด้วย แต่จะมีเฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้นคะ 12-13 เที่ยวต่อวัน ใช้เวลาเดินทาง 77 นาทีเท่านั้น
เบลก็ได้นั่งรถโกยหิมะด้วยนะ
คืนสุดท้ายสำหรับทริปนี้กันแล้ว เบลมานอนที่โรงแรม FUTABA ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติมากๆ แถมในห้องยังมีอ่างอยู่ริมระเบียงสำหรับแช่ออนเซนส่วนตัวด้วยล่ะ ดึกๆหน่อยเบลก็จัดแจงเลยคะ มองซ้ายมองขวาว่ามีใครจะเห็นบ้าง พอได้ทีก็รีบลงอ่างเลย ขอบอกว่าสบายสุดๆ แช่ไปก็มองธรรมชาติที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุม อะไรจะวิเศษเท่านี้ไม่มีล่ะ ^^
วันสุดท้ายของทริปนี้กันแล้วคะ มายังสถานีรถไฟ YUZAWA เพื่อเตรียมขึ้นรถไฟกลับมายังโตเกียว ซึ่งในสถานีก็เต็มไปด้วยสินค้าพื้นเมืิองนานาชนิดคะ ให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากกัน และพิเศษไปกว่านั้นยังมีส่วนที่ขายผลิตภัณฑ์เหล้าสาเกด้วย สำหรับใครที่อยากลองชิมก่อนว่าแต่ละขวดอร่อยแค่ไหน ก็มีที่ชิมแบบไม่ธรรมดานะจ๊ะ เป็นแบบตู้หยอดเหรียญจ๊ะ ทันสมัยดีจริงๆ
ถึงเวลานั่งรถไฟกลับมายังสนามบินกันแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วเหมือนเกิน ยังสนุกอย่เลยคะ แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบอันมากมายที่ไทย คงต้องกลับไปเผชิญโลกแห่งความจริง5555 ซาโยนาระ หากเราเป็นคู่แท้ต่อกัน ขอให้ได้กลับมาเยือนญี่ปุ่นอีกหลายๆครั้งล่ะกันคะ บ๊ายบายยยยย