วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2555

Visit Japan Tohoku

         มากันอีกหนึ่งเรื่องราว สำหรับการเดินทางของเบลคะ ทริปนี้เบลได้โอกาสไปที่ภาคโทโฮกุ ของประเทศญี่ปุ่น แบบ Fam Trip 2 - 8 ก.พ. 55 อบอุ่นด้วยนานาประเทศมากมายที่ร่วมเดินทางไปกับเบลครั้งนี้คะ ก็เริ่มจากเช็คอุณหภูมิกันก่อน เพราะช่วงที่เดินทางเป็นฤดูหนาว แถมมีหิมะตกซะด้วย คราวนี้ล่ะจะได้เห็นหิมะครั้งแรกกะเค้าสักที><

        การเดินทางวันแรกยามดึกของวันที่ 2 ก.พ. แบบเหงาๆ เพราะต้องไปเผชิญโลกอันกว้างใหญ่เพียงลำพังเป็นครั้งแรก โดยสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ JL 034 ที่อำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง หนูช๊อบชอบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปได้บ้าง เอาล่ะคะ สำหรับชั่วโมงบินประมาณ 6 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินฮาเนดะเสียที ในตอนเช้าของวันที่ 3 ก.พ. เวลาหกโมงเช้า โดยมีเจ้าหน้าที่จาก JNTO คอยต้อนรับ ในระหว่างนี้ก็เจอเพื่อนร่วมทางอีก 1 คนจากสิงคโปร์

      ในวันนี้เบลพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีกหนึ่งใบ เดินทางจากสนามบินฮาเนดะไปยัง Hamamatsucho โดยรถไฟ Monorail และทอดที่สองไปยังโตเกียว โดยรถไฟ JR Yamanote  ทอดที่สามไปยัง Koriyama โดยรถไฟ Shinkansen อีกประมาณ 1.20 ชม. และทอดสุดท้ายไปยังเมือง Aizuwakamatsu โดยรถไฟ Local Train เห็นความสมบุกสมบันของเบลแล้วใช่มั้ยคะ ว่าถึกและบึกบึนแค่ไหน555 ซึ่งเมืองไอซุวากะมัตซึ ซึ่งอยู่ในจังหวัดฟูกุชิม่า ซึ่งตลอดสองข้างทางก็เต็มไปด้วยหิมะเลยคะ มันช่างขาวนวลอะไรเช่นนี้ เห็นแล้วอยากจะเอาน้ำหวานสีแดงมาราดกินซะเลย อิอิ วันนี้หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ก็เป็นวันอิสระสำหรับพวกเราในการพักผ่อน มาพักกันที่โรงแรม Washington Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Aizu เลยคะ เดินเท้าโดยใช้เวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้นจากสถานี

Washington Hotel @Aizu

พอเก็บของเสร็จ เบลก็ขอเดินไปสำรวจสถานที่ต่างๆ อย่างซุปเปอร์มาเก็ตในย่านนี้ ขอบอกว่าหนาวมากจริงๆคะ เข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ตมุ่งตรงไปยังของกินเล่น อย่างชอกโกแลต ลูกอม ขนมขบเคี้ยวมากมาย เห็นแล้วอดใจไม่ไหวจริงๆ เลยต้องซื้อติดไม้ติดมือซะหน่อย ไว้ขบเคี้ยวก่อนนอนคะ><

Lion D'or The Supermarket
    
        เช้าวันที่สาม วันนี้เริ่มจากการประชุมก่อนการออกเดินทาง โดยรวมๆแล้ว มีผู้ร่วมทริปจากหลายประเทศประมาณ 12 คนด้วยกันคะ จากประเทศเกาหลี ฮ่องกง จีน และสิงคโปร์ เบลก็แอบภูมิใจนิดนึงนะที่ได้รับเกียรติเป็นคนไทยคนเดียวในทริปนี้คะ วันนี้เราจะไปกันที่ปราสาท Tsurugajo Castle ซึ่งเป็นปราสาทเก่าแก่ประจำเมือง Aizu จะมี 5 ชั้นด้วยกัน เปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประวัติยาวๆ เป็นยังไง ลองเปิดหากันเพิ่มเติมดูนะจ๊ะ แต่ขอบอกได้เลยว่าสวยมากจริงๆ ตอนที่เบลไปก็ปกคลุมเต็มไปด้วยหิมะทั้งปราสาทเลย

Tsurugajo Castle@Aizu
ซามูไรเอโดะ ประจำปราสาท^^

        จากนั้นก็เดินทางไปยังเมือง Kitakata แวะชมแหล่งทำโมจิ ซึ่งเป็นกรรมวิธีแบบโบราณ โดยการนวดแป้งใช้ค้อนไม้ทุบๆ ซึ่งที่นี่เค้าก็ให้เราลองทำกันด้วยนะคะ และอีกหนึ่งอย่างคือการทำเครื่องประดับด้วยตัวเอง เบลก็ได้ลงมือทำกับเค้าเหมือนกันน้า สวยแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามีอันเดียวในโลกจากฝีมือเบลเองคะ ซึ่งทำมาจากไม้ เบลก็ไม่แน่ใจว่าเป็นไม้อะไร (เพราะฟังไม่ชัดจริงๆ):
การนวดแป้งโมจิแบบดั้งเดิม


ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วคะ เมนูก็ไม่ธรรมดาเลย ทั้งอาหารคาวและหวานมีส่วนประกอบเป็นโมจิทั้งนั้นเลยคะ อร่อยและได้สารอาหารครบจริงๆ

เมนู โมจิ:)

        ในช่วงบ่ายเราเดินทางมายังจังหวัด Niigata ซึ่งเป็นจังหวัดที่รายล้อมด้วยธรรมชาติมากๆ มาถึงที่ Tsukioka Onsen อยู่ที่เมือง Shibata ที่ยังคงมีบรรยากาศแบบดั้งเดิมจากญี่ปุ่น ที่นี่ก็จะมีออนเซนไว้บริการด้วยนะจ๊ะ ทั้งแบบส่วนรวม หรือแบบส่วนตัวสำหรับคนขี้อายทั้งหลาย และแบบห้องแต่ห้องของที่นี่ก็มีความหรูหราแตกต่างกันไป ถือเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ประจำที่นี่เลยก็ว่าได้คะ
 Tsukioka Onsen
ออนเซนแบบส่วนตั๊วส่วนตัว
ห้อง Suite ขนาด 100 ตร.ม.  90,000 เยน/คืน

        ที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ เดินทางมายังเมือง Murakami ที่นี่เลยคะสำหรับใครชอบปลาแซลมอน มารู้จักกับประวัติความเป็นมาตั้งแต่แลกเริ่ม ที่พิพิธภัณฑ์แซลมอน ที่นี่ก็เต็มไปด้วยสัตว์น้ำต่างๆ และอุปกรณ์การจับสัตว์น้ำที่นำมาจัดแสดงโชว์คะ

พิพิธภัณฑ์แซลมอน

เอาละคะ ถึงเวลาแห่งการพักผ่อนสำหรับคืนนี้สักที หลังจากปฏิบัติภารกิจประจำวันนี้เสร็จสิ้น กันที่ Senami Onsen เป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมจริงๆคะ หรือที่คนไทยรู้จักเรียกกันว่า แบบเรียวกัง ยามเช้าสามารถเปิดหน้าต่างมองเห็นทะเลซะด้วย เพราะโรงแรมนี้เค้าอยู่ติดทะเลญี่ปุ่นคะ อ๋อ!!ลืมบอกไป เค้ามีบริการออนเซน  แต่มีเฉพาะแบบส่วนรวมนะคะ (แต่ไม่ใช่มิกซ์ชายหญิงรวมกันนะคะ เค้ามีแยกห้องชาย-หญิงจ๊ะ)

Senami Onsen
เห็นวิวทะเลญี่ปุ่นจากหน้าต่างห้อง

มอนิ้งยามเช้าวันที่สี่ภารกิจวันนี้ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งไปยังเมือง Sakata ซึ่งอยู่ในจังหวัด Yamagata สถานที่แรกวันนี้ของเบลก็คือ ท่าเรือเพื่อออกสู่ทะเลญี่ปุ่นในการหาปลา บรรยากาศดีมากๆ ท้องเริ่มหิวๆซะละ มื้อเที่ยงวันนี้มาที่ร้านดังอย่าง Somaro เสิร์ฟด้วยเมนูญี่ปุ๊นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอีกแล้ว รสชาติไม่ต้องพูดถึง แค่เห็นภาพก็น่าจะทราบว่าเด็ดแค่ไหนกันแล้วใช่มั้ยคะ^^


หลังจากอิ่มท้องกันถ้วนหน้าแล้ว ที่นี่เค้าก็มีการแสดงรำแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น อย่างเกอิชา จะมีนักแสดง Maiko มาร่ายรำให้เราได้เพลิดเพลินด้วย สวยแบบหน้าขาวก็น่าดูไปอีกแบบ อิอิ

การรำเกอิชา

บ่ายวันนี้ก็ไปต่อกันที่ Sakata Aqricultural Storehouse ซึ่งเป็นคลังข้าว และยังเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับข้าวญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยก่อน จนถึงปัจจุบันคะ


เย็นนี้จะต้องมีการประชุมธุรกิจ จึงต้องรีบกลับเข้าโรงแรมกันเร็วนิดนึงคะ คืนนี้เบลจะพักที่โรงแรม R&G หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ก็มีการจัดเลี้ยงเพื่อขอบคุณและต้อนรับพวกเราในทริปคะ


กินไม่อิ่มกันเลยคะ จากงานเลี้ยงนี้ เพราะต้องกินพอเป็นพิธี กินแบบสวยๆอะคะ 555 คืนนี้เบลและเพื่อนๆจากในทริปอีก 4 คน ก็ขอออกมาหาอะไรอร่อยๆใส่ท้องกันต่อคะ โบกแท็กซี่จากโรงแรมมุ่งไปร้านซูชิ ชิ้นใหญ่ และสดมากๆ^^


ฮัลโหลยามเช้าของการเดินทางอันแสนสนุกวันที่ห้าคะ นั่งรถไปที่เมือง Yamakata ยังโรงแรม Zao Onsen รายล้อมด้วยหุบเขา มาถึงออนเซนกลางธรรมชาติทั้งที ก็ขอแช่ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายบ้างล่ะกันนะคะ

Zao Onsen
ช่วงบ่ายก็ได้เวลาขึ้นไปกันที่เทือกเขา Zao ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทายกับการเล่นสกี และยังเป็นปรากฎการณ์ที่หาดูได้ยากมากๆ กับอสูรกายน้ำแข็ง ที่ต้นไม้นั้นโดนปกคลุมไปด้วยหิมะ จะมีในช่วง ม.ค.-ก.พ. ซึ่งเทือกเขานี้จะแบ่งเป็น 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นแรกมีความสูงถึง 1,331 ม. และชั้นที่สอง 1,661 ม. วัดจากระดับน้ำทะเล

เทือกเขา Zao
เทือกเขา Zao


 และในเย็นวันนี้ ไปต่อกันที่แม่น้ำ Mogami ได้มาล่องเรือชมธรรมชาติทั้งสองข้างทางซึ่งตอนนี้จะปกคลุมไปด้วยหิมะทุกที่จริงๆคะ ไม่เพียงเท่านั้น กัปตันเรือของเราก็ยังให้ความเพลิดเพลินด้วยการร้องเพลงให้ฟัง พร้อมกับกินอะไรบ้างอย่าง เบลก็ไม่รู้จักเหมือนกันคะ รู้แต่ว่ามันหนึบๆ จิ้มกับน้ำจิ้มที่มันเผ็ดๆ นิดหน่อย แต่อร่อยแบบแปลกๆดีเหมือนกันคะ

บรรยากาศการล่องเรือ แม่น้ำ Mogami

ถึงเวลาเข้าที่พักกันแล้วคะ คืนนี้มานอนแบบเรียวกังที่ Naruko Onsen เป็นเรียวกังแบบดั้งเดิมคะ ภายในห้องก็ตกแต่งสีสันสวยงามมากๆ ขอนอนเก็บแรงไว้ลุยวันพรุ่งนี้กันต่อก่อนนะคะ>,<

Naruko Onsen

        เช้าวันใหม่ของวันที่หก กับการเดินทางไปยังจังหวัด Miyagi ชมอ่าว Matsushima คะ แต่วันนี้น่าเสียดายตรงที่มีฝนตกลงมา ทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ไม่เต็มที่เท่าที่ควร โดยการล่องเรือชมความงามไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งให้อาหารนกที่คอยบินตามเรือไปด้วยคะ กลัวมันจะกินมือไปด้วย แต่ก็ขอลองสักครั้ง


        หลังจากนั้นเราก็ล่องเรือมาขึ้นยังอีกท่าเรือนึง เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเซนไดคะ เมืองที่เคยเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิได้รับความเสียหายมากมาย ขอทานมื้อเที่ยงกันก่อนนะคะ หลังจากนั้นก็เข้าสู่โรงแรม Metropolitan เพื่อเก็บกระเป๋าและสัมภาระกันก่อน เพราะภารกิจต่อไปคือ การร่วมประชุมเจรจาทางธุรกิจกับที่ท่องเที่ยว โรงแรม และสื่อต่างๆมากมาย และมีการจัดเลี้ยงเพื่อต้อนรับและขอบคุณจากเซนไดอีกครั้งคะ ถือเป็นงานใหญ่เลยทีเดียว ดูเป็นคนมีหน้ามีตาขึ้นมาเลยล่ะคะ 555  กว่าจะเสร็จจากงาน ก็ดึกเลย เพราะเหมือนเป็นคืนสุดท้ายก่อนที่จะจากกันสำหรับพวกเราในกรุ๊ป ไหนจะถ่ายรูป เป็นร้อยๆรูปแล้วมั้งคะ เหนื่อยแล้วก็ขอตัวไปนอนก่อนละ เพลียร่างมากๆ



       เช้าวันที่เจ็ด วันสุดท้ายสำหรับทริปนี้คะ ก็ถึงเวลาเก็บกระเป๋าสัมภาระ ตรวจเช็คของใช้ต่างๆ ในช่วงเช้าวันนี้ไปกันที่พิพิธภัณฑ์อัลปังแมน Anpanman Museum ซึ่งอยู่ในเมืองเซนไดนี่เลยคะ นั่งรถบัสจากโรงแรมไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว ถึงปุ๊บก็ต้องร้องว่า So Cute เลยล่ะคะ เพราะเห็นตัวการ์ตูนแต่ละตัว มันน่ารักมากจริงๆคะ ร้านของฝากก็เยอะแยะมากมายให้เลือกซื้อฝากน้องๆ หนูๆ เอาเป็นว่าดูรูปก็แล้วกันนะคะ ว่าเป็นอย่างที่เบลเอ่ยมาหรือป่าว

Anpanman Museum
ร้านขนมปัง Anpanman

        หลังจากนั้นก็กลับไปยังโรงแรม เพื่อกลับไปเอากระเป๋าของตัวเอง เดินทางกลับมายังโตเกียวต่อ โดยรถไฟชิงกันเซนคะ ลืมบอกไปว่าโรงแรม Metropolitan แห่งเซนได อยู่ติดกับสถานีรถไฟ และรายล้อมด้วยห้างต่างๆมากมาย รับรองถ้ามาพักที่นี่ เดินไปไหนก็ไม่มีหลงแน่นอนคะ ใช้เวลาการเดินทางจากเซนไดมาที่โตเกียวประมาณ 2 ชม. จากนั้นก็นั่งรถไฟต่อไปยังสนามบินนาริตะต่อคะ เดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินที่คุ้นเคยอย่าง เจแปน แอร์ไลน์ เช่นเคยคะ

        ก่อนที่จะขึ้นเครื่องก็ใจหายเหมือนกันนะคะ มาเที่ยวทริปนี้ได้ทั้งความสนุก ตื่นเต้น มิตรภาพดีๆมากมายจากหลายประเทศ และการมาครั้งนี้ก็ทำให้รู้ว่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นถึงแม้จะเจอมหาวิบัติทางธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มากมาย แต่เค้าก็ยังยิ้มได้ และพร้อมจะแก้ไขพัฒนา ปรับปรุงจนกลับสู่สภาพปกติ แทบจะไม่หลงเหลือคราบความเสียหายเลย ถ้าใครไม่เชื่อก็ต้องลองมาเที่ยวพิสูจน์ด้วยตัวเองดูนะคะ ว่าภาค Tohoku ธรรมชาติที่งดงาม สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่ใครมาแล้วก็ต้องติดใจเหมือนเบลนี่ละคะ

I Love Japan^^








  











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น